รถยนต์ไฟฟ้า (EV) กำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในประเทศไทย ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการพัฒนาเทคโนโลยีแบตเตอรี่ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นและราคาที่ลดลง ส่งผลให้รถยนต์ไฟฟ้ามีระยะทางวิ่งที่ไกลขึ้นและราคาที่จับต้องได้มากขึ้น และความต้องการใช้อีวีชาร์จเจอร์ (EV Charger) เพิ่มขึ้นตามไปด้วย ซึ่งล่าสุดมียอดจองรถยนต์ไฟฟ้าพุ่งสูงขึ้นอย่างมากในงาน MOTOR EXPO 2023 โดยมีแบรนด์จากประเทศจีนขึ้นอยู่อันดับติด 3 ใน 5 อันดับแรกของค่ายรถที่มียอดจองสูงสุด
แล้ว EV charger มีกี่ประเภท?
อีวีชาร์จเจอร์ คือ อุปกรณ์ที่ใช้ในการชาร์จแบตเตอรี่ของรถยนต์ไฟฟ้า โดยสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทหลักๆ ตามความเร็วในการชาร์จ ดังต่อไปนี้
- การชาร์จแบบปกติ (Normal Charge) ใช้เวลาในการชาร์จนานกว่าการชาร์จแบบเร็ว การชาร์จแบบปกติจะใช้ไฟฟ้ากระแสสลับ (AC) ซึ่งรถยนต์ไฟฟ้าทุกคันจะมีอุปกรณ์ชาร์จแบบ AC ติดตั้งมาในตัวอยู่แล้ว โดยทั่วไปการชาร์จแบบปกติใช้เวลาประมาณ 4-8 ชั่วโมงในการชาร์จแบตเตอรี่ให้เต็ม รวมทั้งยังสามารถชาร์จรถ plug in hybrid ได้อีกด้วย
- การชาร์จแบบเร็ว (Fast Charge) ใช้เวลาในการชาร์จน้อยกว่าการชาร์จแบบปกติ การชาร์จแบบเร็วจะใช้ไฟฟ้ากระแสตรง (DC) ซึ่งรถยนต์ไฟฟ้า 100% (BEV) ส่วนใหญ่สามารถรองรับการชาร์จแบบ DC ได้อยู่แล้ว โดยทั่วไปการชาร์จแบบเร็วใช้เวลาประมาณ 30-50 นาทีในการชาร์จแบตเตอรี่ให้เต็ม

ทั้งนี้ปัจจัยสำหรับระยะเวลาในการชาร์จ เราต้องดูการรับกระแสไฟฟ้าเข้ามายังแบตเตอรี่ของรถด้วย onboard ว่าสามารถรองรับกระแสได้ที่เท่าไหร่
ยกตัวอย่าง: รถยนต์ของเราสามารถรับกระแสไฟสำหรับ Ac Charger ได้ที่ 11 kW แต่เครื่องชาร์จสามารถปล่อยกระแสไฟที่ 22kW เราจะสามารถรับกระแสไฟได้ที่ 11 kW เท่านั้น
ประเภทของหัวชาร์จที่นิยมในไทย
จริงๆหัวชาร์จสำหรับชาร์จรถอีวีที่หลายประเภทมากๆ แต่ในประเทศไทยจะนิยมอยู่ 2 แบบดังนี้
- หัวชาร์จแบบ AC Type 2 นิยมใช้สำหรับชาร์จไฟที่บ้านหรือที่ทำงาน รองรับกระแสไฟฟ้าสูงสุด 7.4 kW
- หัวชาร์จแบบ DC CCS Combo 2 นิยมใช้สำหรับชาร์จไฟที่สถานีชาร์จสาธารณะ รองรับกระแสไฟฟ้าสูงสุด 150 kW
อย่างไรก็แล้วแต่ผู้ใช้รถอีวีควรตรวจสอบข้อมูลรถของท่านว่ารองรับหัวชาร์จประภทใด เพื่อให้มั่นใจว่าหัวชาร์จและรถอีวีสามารถใช้งานร่วมกันได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ